babyboy, you taste so good
babyboy, you taste so good
— (os) jamren
— Rate R
— Rate R
— เด็กอายุต่ำกว่าและสูงกว่า 20 ปี ควรอ่านตอนอยู่คนเดียว แล้วเจอกันที่นรกค่ะ xoxo
“อึก”
“หนูคะ เบาหน่อยรบกวนคนอื่นเขานะคะ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากคนข้างตัว ท่ามกลางความมืดมิดของโรงภาพยนต์รอบดึก คำห้ามปรามที่ดังขึ้นนั้นช่างขัดกับการกระทำอุกอาจ ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อยีนส์ที่คลุมขาอินจุนอยู่นั้นมีอะไรเกิดขึ้น
ความรู้สึกเสียววูบกลางหว่างขาเกิดขึ้นเมื่อคนด้านข้างใส่มือที่ล้วงเข้าใต้เสื้อยีนส์บีบเคล้นเข้าที่อวัยวะไวต่อความรู้สึก สัมผัสหนักเบาที่เกิดขึ้นทำเอารู้สึกโหวงในช่องอกจนพยายามหนีบขาเสียดสีกันเพื่อระบายอารมณ์แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของมือเรียวก็ไม่ปล่อยให้เค้าได้ทำอย่างนั้น
“หนูนั่งนิ่งๆสิคะ”
คนโตกว่าพูดพลางกดขาของอีกฝ่ายให้อยู่นิ่ง เมื่อเห็นว่าอินจุนไม่ขัดขืนจึงเลือกรูดซิปกางเกงนักเรียนของอีกฝ่ายลงช้าๆ
“อาครับ ไม่เอา”
“ชู่ว”
นาแจมินส่งเสียงห้ามปราม เขาเคล้นคลึงทักทายสิ่งไวสัมผัสในมือที่กำลังสั่นระริกแม้มีผ้าบางกั้นไว้
“หนูอยากให้อาเอามันออกมาไหมคะ”
เอ่ยกระซิบถามคนข้างกายเสียงเบา ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า แสงสว่างจากจอภาพยนต์ทำให้เห็นแววตาฉ่ำเยิ้มที่มีน้ำตาคลอหน่วยจากความทรมาณ เห็นทั้งหมดว่าคนข้างตัวนั้นกำลังแสดงสีหน้าแบบใด
น่ารังแก
“หนูทนไม่ไหวแล้วหรอคะ”
ไม่มีคำตอบใดจากอินจุน เขาทำได้เพียงร้องฮื่อแล้วซุกหน้าเข้ากับหัวไหล่ของผู้เป็นอา สะโพกมนบดเบียดเข้าหาฝ่ามือร้อนที่ยังคงวางไว้ตำแหน่งล่อแหลม เขาเมินเฉยต่อหนังแอคชั่นเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของตัวละครเอก ริมฝีปากบางขบเม้มพยายามกลั้นเสียงและควบคุมลมหายใจ
ร่างกายเกร็งขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่เก้าอี้ด้านหน้าขยับตัว เป็นเพราะตัวเองมีชนักติดหลังถึงได้กลัวหนักหนา แต่แตกต่างจากแจมินที่ยังคงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นกิริยาแบบนั้น
“จะโดนจับได้ไหมน้า”
น้ำเสียงยียวนกระซิบขึ้นข้างหู ลมหายใจร้อนปัดผ่านและใบหน้าที่เคลื่อนใหล้เข้ามาจนขบเม้มติ่งหูหยอกล้อจนอินจุนทนไม่ไหวอีกต่อไป เด็กชายในชุดนักเรียนมัธยมกลั้นใจ ขยับถอยห่างและจัดการความเรียบร้อยของตัวเอง
เมื่อซิปกางเกงถูกรูดขึ้น เจ้าตัวโยนเสื้อยีนส์ตัวใหญ่กลับคืนให้เจ้าของที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโรงภาพยนต์ไปอย่างเร่งรีบ
เด็กน้อยของเขาทนไม่ไหวแล้วสินะ
ลอบยิ้มกับตัวเอง แม้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไรแต่กลับเลือกเมินเฉย ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเบดตัวเดิมและหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากจดจ้องจอภาพยนต์ด้านหน้าราวกับสนใจหนักหนาทั้งที่ความจริงในหัวมีแต่ภาพของหลานชายตัวดีที่ตอนนี้คงกำลังจัดการตัวเองอยู่ที่ไหนสักที่
ครืด
แรงสั่นสะเทือนภายในกระเป๋ากางเกงทำให้เจตหยิบโทรศัพท์ขค้นมาดูข้อความเข้า โชคดีที่เขานั่งอยู่แถวบนสุด แสงของโทรศัพท์จึงไม่รบกวนใครนัก
ริมฝีปากยกยิ้มหว้างเมื่อเห็นข้อความ เลือกวางป๊อปคอร์นและแก้วน้ำไว้ที่เดิมก่อนผุดลุกขึ้นเดินออกจากโรงทั้งที่หนังนั้นยังฉายไม่ถึงครึ่งเรื่อง
เพราะเขากำลังจะไปหาสิ่งที่น่าสนใจกว่าหนังเรื่องไหนๆ
‘หนูไม่ไหวแล้ว คุณอามาช่วยหนูหน่อยนะคะ’
เสียงส้นรองเท้ากระทบเข้ากับพื้นกระเบื้องภายในห้องน้ำ ห้องน้ำเงียบสงัดภายในมีเพียงผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนล้างมืออยู่คาดว่าคงเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่หนังจะเลิกอีกทั้งยังเป็นห้องน้ำตั้งที่อยู่ลึกสุดในโซนโรงหนัง
ร่างสูงมองไปรอบๆก่อนเห็นว่ามีเพียงห้องเดียวที่ปิดประตูอยู่ เขาจึงเดินตรงไปและเคาะประตูเบาๆ
“อินจุนไหวไหมครับ”
เขาเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าคนด้านในกำลังเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นเพราะมีคนอยู่ข้างนอกด้วย ถ้าจะให้เขาเปิดเข้าไปเลยก็คงแปลก
“อาเอายามาให้ครับ เปิดหน่อยครับ”
กริ้ก
เสียงกลอนประตูเปิดออกพร้อมกับแขนเรียวที่ยื่นออกมาฉุดในร่างสูงเข้าไปด้านใน
“พูดมาก”
คนอ่อนวัยกว่าบ่นออกก่อนจะรั้งใบหน้าของผู้เป็นอาเข้ามาใกล้ ริมฝีปากประกบกันปล่อยให้เรียวลิ้นได้ทำความรู้จักกันไม่ห่างทั้งที่ตอนนี้มือเรียวกลับลูบคล้ำร่างกายของอีกฝ่ายไปไหนต่อไหน
เป็นฝ่ายรุกก่อนเมื่อมือเรียวปลดเข็มขัดของนาแจมินอย่างร้อนรน ทั้งๆที่ด้านบนยังคงแลกอากาศกันหายใจ ริมฝีปากบางถูกดูดดึงจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเชอร์รี่ป่า ริมฝีปากผละออกจากกันในนาทีสุดท้ายเพราะกลัวว่าจะขาดอากาศหายใจก่อนที่อินจุนจะทรุดตัวลงนั่งชันเข่ากันพื้นบรรจงถอดกระดุมกางเกงสแลคของอีกฝ่ายรอทักทายความแข็งขืนใต้เนื้อผ้า
ใครจะไปคิดว่าเด็กดีของคุณครูในโรงเรียนความจริงเป็นเด็กใจแตกที่ริอาจมีอะไรกับอาแท้ๆของตัวเองตั้งแต่อายุ 15 มาจนจะจบมัธยมปลาย
โชคดีที่ทั้งคู่ศีลเสมอกัน เมื่อแจมินนั้นก็เป็นพวกชอบกินน้ำใต้ศอก เก็บความลับนี้ไว้เบื้องหลังภาพอาหลานที่แสนจะสนิทกัน ทั้งคู่ตื่นเต้นและเร้าอารมณ์เสมอเมื่อคิดว่ากำลังกินกันลับหลังแม่และพี่สาวของตัวเอง
“จะมีคนเข้ามาไหมคะ”
“อาแคร์หรอ”
ใบหน้าหวานเงยหน้าตอบ ลอยหน้าลอยตาแทรกตัวกลางหว่างขาช้อนส่งสายตาฉ่ำเยิ้มให้อาตัวเองก่อนจะก้มลงแลบลิ้นร้อนไล่เลียอวัยวะที่กำลังกระตุกอยู่ใต้อันเดอร์แวร์ ทั้งลมหายใจร้อนและเรียวลิ้นเปียกชื้นล้วนแต่ทำให้มันอยากออกมาทักทายโลก
“หนูอย่าเล่นได้ไหมคะ”
ใบหน้าหวานยิ้มรับคำราวกับเป็นผู้ชนะ สนุกที่ทำให้แจมินทนไม่ไหว ก่อนจะให้รางวัลปลอบใจผู้แพ้ด้วยการรั้งอันเดอร์แวร์เปียกชื้นลงปล่อยให้น้องชายอีกฝ่ายออกมาแข็งชูชันชี้หน้าตน
ไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กในปกครองได้ใจอีกต่อไป ใช้เส้นผมอ่อนนุ่มของหลานชายเป็นที่วางมือแล้วดันให้ศีรษะของคนเบื้องล่างดึงรั้งเข้ามาใกล้หว่างขา เป็นสัญญานของความต้องการ
แน่นอนว่าเด็กดีย่อมต้องไม่ปฏิเสธผู้ใหญ่ จึงแลบลิ้นเลียอวัยวะตรงหน้าก่อนเหมือนขอลองชิม ไล่เลียจนน้ำสีใสยืดออกจากส่วนปลายตามติดลิ้นแล้วจึงอ้าปากรับความยาวทั้งหมดตรงหน้าไว้
เสียงอ่อกดังขึ้นบางครั้งเมื่อสำลัก แต่ถึงอย่างนั้นส่วนใหญ่ล้วนมีแต่เสียงอื้ออ้าในลำคอตอบรับคำถามทะลึ่งของอาหนุ่มที่คอยถามซ้ำๆว่าเขาชอบของที่อยู่ในปากตอนนี้ไหม
หากเทียบคะแนนความหื่นกระหายเต็มสิบทนาแจมินคงให้คะแนนหลานชายเขาเต็มสิบคะแนน บวกคะแนนพิศวาสไปอีกเท่าตัวเมื่ออีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองทั้งที่ในปากยังอมตัวตนของเขาไว้จนแก้มตอบ
“อาชอบไหมคะ”
เด็กนักเรียนดีเด่นละริมฝีปากออกมาเอ่ยถาม แต่ยังไม่ละห่าฃจากความร้อนในมือยังคงถูไถปลายจมูกเล็กไปตามแท่งความยาวราวกับเอ็นดูมันหนักหนา หลานชายของเขาในตอนนี้ช่างดูยั่วยวนและชวนให้ลุ่มหลงด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ แววตาฉ่ำน้ำและน้ำใสที่เคลือบอยู่บนริมฝีปาก
นาแจมินโครตหลงหลานตัวเอง ให้ตายเถอะ
“ชอบค่ะ”
“...”
“อาชอบเวลาที่ปากเล็กๆหนูมีของอาอยู่เต็มปาก”
พูดพลางไล่นิ้วหัวแม่มือไปที่ริมฝีปากอิ่มของหลานชาย ร้อนวูบในใจอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่ออินจุนดูดเม้มนิ้วของเขาราวกับมันเป็นอะไรที่ใหญ่กว่า
เลือกละทิ้งความอดทนจากทีแรกคิดว่าจะแค่แหล้งให้เด็กตรงหน้าทรมาณเล่น แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่ทรมาณได้แต่คิดว่าช่างแม่งมันถึงแม้ว่าอาจจะมีใครเข้ามาในห้องน้ำอีก
แจมินฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน หันหน้าเข้ากำแพงห้องน้ำ ส่วนตัวเองนั้นยืนซ้อนทับข้างหลังอาศัยความชำนาญถอดกางเกงนักเรียของหลานชายให้ล่วงหล่นไปกองที่พื้นพร้อมกับอันเดอร์แวร์สีขาว ภายใต้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากเจ้าของ
“ไม่ได้เอาออกมาเลย เมื่อกี้ทรมาณไหมคะ”
มือหยาบจับหมับแล้วเคล้นคลึงเข้าที่กึ่งกลางตัวของคนในอ้อมกอด เอ่ยถามทั้งที่ใบหน้ายังซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอขาว
กลิ่นเหงื่อของอินจุนเร้าอารมณ์เขาจนแทบบ้า
“ฮื่อ อาช่วยหนูหน่อยสิคะ”
จากเด็กแสนพยศเวลาปกติกลายเป็นเจ้าลูกแมวขี้อ้อนที่เบียดสีก้นกลมมนเข้าหากลางหว่างขาของนาแจมินอย่างยั่วเย้า ยิ่งร้ายไปกว่านั้นเมื่อเจ้าตัวแกล้งหนีบขาตัวเองแน่นๆแล้วจับเอาแก่นกายของเขาเข้าไปเสียดสีในช่องแคบๆ
“ซี๊ด”แจมินสูดปากเมื่อสะโพกมนขยับเข้าออกช้าๆจนส่วนปลายมนของตัวเองเสียดทิ่มไปจนถึงด้านหน้าขาของหลานชาย การสัมผัสกับถุงสีชมพูสองถุงเร้าอารมณ์เขาจนทนไม่ไหว
“อาแจมินขา”
เสียงเรียกกระเซ่าดังขึ้นแผ่ว ทั้งที่ใจจริงอยากจะจับร่างสูงนั้นลงกับชักโครกแล้วจัดการขึ้นควบ แต่เพราะกลัวโดนจับได้ในที่สาธารณะ การร่วมรักถึงได้เป็นไปอย่างเชื่องช้า เย้ายั่วแต่ถึงอยากไรอินจุนไม่สามารถรอช้าไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษอาแจมินนั่นแหละที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ตัดสินใจทันควันยื่นแขนเรียวอ้อมมาข้างหลัง จับหมับเข้าที่แก้มก้มขาวที่นาแจมินชอบแอบมองและหลงนักหนา อินจุนแบะก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนนั้นออกจากกันจนเห็นช่องทางคับแคบที่กำลังขมิบราวกับเชิญชวน
“อาไม่อยากเข้ามาหรอคะ”
การกระทำไร้ยางอายของคนตรงหน้าทำแจมินสติขาด เขาไม่ตอบโต้อะไรนอกเสียจากจับขาข้างหนึ่งของหลานชายวางพาดชักโครก ให้มันอ้าออกพร้อมรับความป่าเถื่อนที่เขากำลังจะเริ่ม
ยัดนิ้วเข้าไปในปากเล็กที่พูดคำพูดเชิญชวนอย่างหน้าไม่อาย แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นหลานก็ดูดดุนมันจนน้ำลายฉ่ำเยิ้ม ใช้น้ำคัดหลั่งสีใสพวกนี้แทนเจลที่ขาดไป
นิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องทางแคบจากหนึ่งเป็นสองก่อนจะเพิ่มเป็นสาม ชักเข้าออกหวังให้เกิดความเคยชิน บางครั้งรู้สึกฝืดเคืองถึงเพิ่มน้ำลายตัวเองเข้าไปเสริม
“ตรงนี้นุ่มแล้วนะคะ”กระซิบเข้าที่ข้างหูบอกสัญญานว่าให้เตรียมพร้อม
จับเอาคอควายคึกคักตีเข้าที่แก้มก้นเนียนเสียสองสามครั้งก่อนสอดมันลึกเข้าไปทีเดียวจนสุด ไม่กลัวหลานชายจะจุกหนัก
“อ๊ะ อา..อาครับ”
ปิดริมฝีปากนุ่มด้วยอวัยวะเดียวกันของตัว ด้านบนลิ้นร้อนโรมรันเข้าหากันราวกับกำลังตามหาขนมแสนหวาน ด้านล่างผลัดกันรุกผลัดกับรับ คนนึงกระแทกเข้าแรงอย่างตอกเสาเข็ม อีกคนก็ทำหน้าทีเป็าเบ้าตอกที่ดีรับทั้งหมดไว้จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
เพราะถูกอุดปากด้วยลิ้นร้อนจึงยากที่จะบอกว่ากำลังจะยืนไม่ไหว เรียวขาขาวสั่นระริกใกล้จะทรุดอยู่รอมร่อแต่โชคดีที่คนมากประสบการณ์สังเกตเห็นจึงให้แขนข้างหนึ่งซ้อนขาอีกคนไว้ข้างหนึ่งโอบเอวอีกคนไว้กันทรุด
“หนูชอบไหมคะ”ละริมฝีปากออกมาถาม พ่นคำหยาบคายหรอกใส่หูหลานชาย “หนูชอบเวลาอากระแทกหนูแบบนี้ไหมคะ”ไม่ถามเพียงอย่างเดียวแต่ยังกระแทกซ้ำเน้นเข้าไปที่จุดอ่อนไหว ย้ำแล้วย้ำอีกจนคนอ่อนวัยกว่าต้องยอม
“อาแจมินขา หนูไม่ไหวแล้วคะ ซี๊ด”
“ไม่ไหวแล้วหรอคะ”
“อ๊า.. ไม่ไหวแล้วค่ะ”พูดตอบหัวสั่นหัวคลอนเมื่อคนข้างหลังยังสอดใส่เข้ามาลึกจนจุกท้อง ความเสียวแล่นวาบไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจส่งแรงเข้าโดนจุดไวสัมผัส
ยิ้มออกมาเมื่อเห็นหลานชายตัวน้อยอดรนทนไม่ไหวใช้มือของตัวเองไปชักรูดเจ้าหนูน้อยของตัวเองเพื่อเร่งการปลดปล่อย เพราะอย่างนั้นนาแจมินเลยต้องสวมบทบาทคุณอาที่แสนดีส่งมือของตัวเองเข้าไปช่วอีกแรง
“อ๊ะ .. อา อาครับ อ๊า จะออกแล้วครับ”
เล่นโดนเร้าสัมผัสทั้งด้านหน้าและด้านหลังไปพร้อมกันไม่นานนักเด็กชายก็กระตุกตัวโยนพร้อมหลั่งน้ำสีใสออกมากระเด็นเปื้อนผนังห้องน้ำสีเข้มอีกทั้งยังเปื้อนมือของคุณอาผู้แสนดีที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ
เป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นห้องน้ำด้านนอก เป็นสัญญานว่ามีคนเข้ามาอีกแล้ว โชคดีเหลือเกินที่เมื่อครู่อินจุนยังมีสติไม่หวีดครวญคราญออกมาเสียงดังเหมือนปกติที่อยู่กันสองคน
โชคร้ายของอินจุนที่อาหนุ่มของเขาน่ะเป็นคนเสร็จยากยิ่งกว่าอะไรเพราะอยากนั้นภาระหน้าที่ที่ต้องรองรับความรุนแรงทางด้านหลังมันคงยังดำเนินต่อไป
นาแจมินเร่งเข้าจังหวะให้มากกว่าเดิมอั้นเอวสอบขยับถี่รัวยัดเยียดความป่าเถื่อนเข้าไปในรูเล็กแคบที่ขมิบตอกแน่นเหมือนไม่อยากให้แท่งร้อนนี้มันหลุดออกมา จวบจนจังหวะสุดท้ายที่ไฟในตัวพุ่งถึงขีดสุด ร่างสูขยับเข้าออกถี่รัวก่อนกระตุกกายปล่อยให้เชื้อพันธ์นับแสนล้านตัวเข้าไปในร่างบาง ไม่คิดจะดึงตัวเองออกมา ไม่ต้องพึ่งถุงยางอนามัย
ถ้าหากว่าหลานเขาเป็นผู้หญิงป่านนี้คงท้องไปแล้ว
“ฮะ อือ”อินจุนครางเมื่ออาแจมินสอดใส่แท่งร้อนฉีดน้ำรักเข้ามาในร่างกายตัวเอง จวบจนหยดสุดท้ายก่อนจะดึงท่อพ่นน้ำประจำตัวออกไป
“เก็บมันไว้นะเด็กดี”กระซิบข้างหู ก่อนไล้ลิ้นร้อนตามลำคอขาวชิมเหงื่อของหลานชายอย่างรักใคร่
“เหนอะหนะ”
เมื่อเสร็จกิจเจ้าแมวน้อยแสนอ้อนในตอนแรกก็กลับมาเป็นเจ้าหลานชายสุดแสบคนเดิม ร่างบางเขยิบตัวออกจากผู้เป็นอา ดีงรั้งกางเกงนักเรียนของตัวเองขึ้นจัดการตัวเองให้ดูเรียบร้อยก่อนมองค้อนคนเป็นอา
“อาใส่กางเกงได้แล้ว”
“ครับๆ”
หัวเราะเสียงเบาให้กับกิริยาที่แสนน่ารักในสายตาเขา อินจุนจะรู้ตัวไหมว่ายิ่งทำท่าทางพยศแบบนี่นาแจมินยิ่งเอ็นดูอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่
รอจังหวะดีๆที่คาดว่าไม่มีคนอยู่แล้วจึงเปิดประตูออกมากันสองคน เดินออกจากโรงหนังมุ่งตรงไปยังลานจอดรถระหว่างทางเจ้าหลานชายก็เอ่ยปากบ่นไม่หยุดหย่อน
“เพราะอาคนเดียวเลยไม่ได้ดูหนัง”
“สาบานสิครับว่าตอนแรกที่ชวนอามาดูหนูอยากดูหนัง”แจมินเอ่ยตอบเสียงล้อเลียน วางแขนพาดไว้บนบ่าหลานชาย “ใครเป็นคนสะกิดอาในนั้นก่อน ไหนหนูลองตอบสิครับ”
“ฮึ่ย” อินจุนถอนหายใจ มองค้อนคนตัวสูงก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป
“ผมสะกิดเล่นๆหรอก”
นาแจมินหัวเราะก่อนก้มลงกระซิบตอบ
“แต่ท่าทางหนูในห้องน้ำนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะครับ”
“อาแจมิน !!!”
Fin
ฟิคชั่ววูบ /วูบเลยครับ
#srcxfiction
Comments
Post a Comment